เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการเสริมจมูก

ถามตอบ เกร็ดน่ารู้ที่ควรทราบเกี่ยวกับการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน(แท่ง)

A. เริ่มด้วยต้องทราบความต้องการของตัวเองก่อน ว่าจุดเริ่มที่ทําให้คุณอยากจะเสริมจมูกเพราะอะไร??
คําตอบ : คงไม่ใช่ว่าเห็นคนอื่นทําแล้วดูดีเลยอยากทําบ้าง เพราะโครงหน้าแต่ละคนไม่มีทางที่จะเหมือนกัน หรือทําเลียนแบบกันแล้วได้ผลที่ดูดีเสมอไป แต่การที่หน้าของคุณจะดูดีขึ้น ในมุมมองของคนส่วนใหญ่ (ไม่ใช่ว่าฉันชอบของฉัน แต่ทําไมเป็นตัวประหลาดในสายตาของคนอื่น) ควรจะประกอบด้วย

1. มีความสมดุลย์สําหรับทุกส่วนบนใบหน้า ส่วนใหญ่เป็นรายละเอียดของแพทย์ หากแพทย์ช่วยให้ความรู้กับผู้ที่มาเสริมบ้าง ก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะรับทราบ แต่ไม่จำเป็นต้องรู้ละเอียด เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทําเพื่อให้ได้สัดส่วนตามทฤษฎีทั้งหมด รู้ไว้เพื่อทราบดังนี้
2. มีความเข้าใจโครงหน้ารวมของตัวเอง และทราบข้อจํากัด ยกตัวอย่าง เช่น มีหน้าผากแบน อยากได้ดั้งจมูกสูงๆ อาจทําให้รอยต่อหน้าผากกับดั้งจมูกที่ควรจะเว้าเล็กน้อย ทำให้ความสวยความเป็นธรรมชาติหายไป โครงหน้ากว้างๆ แบบชาวเอเชียทั่วไป แต่อยากได้ดั้งเล็กๆ แคบๆ ผอมๆ เหมือนดาราที่โครงหน้าแคบๆ เอามาเป็นแบบ พอได้ตามแบบมาอยู่บนหน้ากว้างๆ จะดูแปลก สําคัญมากอีกข้อคือ มีผิวหนังบางอยากได้โด่งมากๆ ก็เสี่ยงต่อการทะลุหรือจับผิวหนังก็ยังดูเหลือ น่าจะใส่เพิ่มได้อีก ลองนึกถึงถุงบางๆ ยัดของเข้าไปมากๆ ต่อให้ถุงไม่ขาดก็ตามที แต่ขอบสันของของที่ใส่อยู่ในถุงก็ดันเนื้อออกมาคือเห็นเป็นขอบสันของซิลิโคน

B. เมื่อทราบจุดบกพร่องของโครงสร้างเดิมแล้วก็มา "เติมเต็ม" ส่วนที่ขาดหายไป ย้ําไว้ว่าไม่ใช่ใส่จนล้น จมูกที่เสริมเกินสัดส่วนที่เหมาะสมจะทําให้ดูเด่นก็จริง แต่จะเป็นในทางลบมากกว่าเริ่มจากการปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ถึงรายละเอียดที่คุณต้องการ ขั้นตอนนี้สําคัญมากๆ ปัญหาหลายเรื่องเริ่มที่ตรงนี้ คือขาดการสื่อสารให้เข้าใจกัน เพราะเรื่องความสวยงามเป็นเรื่องของมุมมอง มีความคิดแตกต่างกันได้ และสามารถเลือกได้หลากหลายแบบ ไม่ใช่กฏกติกาตายตัว เลือกแพทย์ที่เข้าใจสิ่งที่คุณต้องการและสามารถให้การดูแลหลังทําได้

C. ซิลิโคนยังไม่ใช่คําตอบที่ดีที่สุด สําหรับการเพิ่มความโด่งของจมูก เนื่องจาก
1. เป็นสิ่งแปลกปลอม จึงมีความเสี่ยงจะเกิดปัญหาเรื่องการดันผิวหนังจนทะลุได้ โดยเฉพาะส่วนปลายสุดของจมูก หรือแผลด้านในรูจมูก ป้องกันด้วยการเลือกรูปทรงให้พอเหมาะกับผิวหนัง เหลาซิลิโคนให้มีความสมมาตรและพอดีกับฐานกระดูกจมูก และการที่จะผ่อนปัญหาที่ พร้อมจะหนักให้เป็นเบาได้ คือไปพบแพทย์เพื่อตรวจเป็นระยะ หรือรีบพบแพทย์เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ เช่น เห็นขอบซิลิโคนเด่นมากขึ้น เป็นต้น หากปล่อยจนผิวหนังบางมาก หรือทะลุแล้วจะสูญเสียสภาพที่ดีของรูปทรงปลายจมูก หรือเกิดแผลเป็น หรือแผลหดรั้ง บางรายแผลรั้งจนจมูกเชิด แก้ไขซับซ้อน และคาดหวังผลหลังการแก้ไขลําบาก
2. เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ป้องกันด้วยเทคนิคการทําความสะอาดของทางการแพทย์ นอกจากนั้นการดูแลผิวหนังโดยรอบบริเวณที่จะทำการผ่าตัด หรือด้านในรูจมูก ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณแผลผ่าตัด หากเกิดการติดเชื้อในโพรงที่ใส่ซิลิโคน ควรรีบเอาซิลิโคนออกแล้วรอให้ร่างกายเก็บขยะทำความสะอาดโพรงที่ใส่ซิลิโคนเรียบร้อยก่อน อย่างน้อยสามเดือนหรือหนึ่งปีขึ้นไป จึงจะพิจารณาทําการผ่าตัดเพื่อใส่ซิลิโคนใหม่ การพยายามรั้งรอไม่อยากถอดออกแล้วไม่ไปพบแพทย์เพราะกลัวว่าแพทย์จะให้เอาซิลิโคนออก เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีทางที่การติดเชื้อจะหายไปได้เมื่อยังมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ จากปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายแค่นําซิลิโคนออก อาจจะกลายเป็นการทะลุตามมาเพราะเนื้อเยื่อ พึงสังวรณ์รีบเอาออกจะได้เริ่มนับเวลาใหม่เพื่อใส่อันใหม่ดีกว่า
3. เกิดการเอียงได้ไม่ว่าจะเป็นจากโครงสร้างที่มีฐานจมูกที่เอียงมาก่อน หรือเกิดจากการเหลาที่ไม่สมมาตรของแพทย์ หรือการใส่ซิลิโคนในลักษณะที่ฝานเนื้อเยื่อมาก เป็นต้น การดูแลติดตามผลหลังทําจึงมีความจําเป็น หากวินิจฉัยได้ แน่นอนแล้วว่าเอียง การแก้ไขในระยะแรกจะทําได้ง่ายกว่า

ทั้งหมดทั้งปวงเป็นผลที่สามารถป้องกันที่ต้นเหตุได้ ถ้าแพทย์และผู้มารับการเสริมซิลิโคนมีความระมัดระวังอยู่ก่อน โอกาสที่จะเกิดผลเสียต่างๆ ก็เกิดน้อยลง หรือถ้าเกิดผลข้างเคียงจะเป็นผลเล็กๆน้อยๆ ที่แก้ไขได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ไม่มีอะไรที่ร้อยเปอร์เซนต์ การรู้ก่อนที่จะทำเพื่อนำข้อมูลไปไตร่ตรอง เพราะเรื่องสวยงามไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทําเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อตัดสินใจทําแล้ว หากเกิดปัญหาขึ้น จะได้มีสติไม่ใช่มัวแต่ฟูมฟายว่ารู้อย่างนี้ไม่ทําดีกว่าแต่คุณควรทราบก่อนทํา หากคิดว่าไม่สามารถตั้งรับกับผลข้างเคียงได้ก็ไม่ควรทํา เมื่อไม่ทำคือไม่เกิดผลข้างเคียง

D. เหตุที่ซิลิโคนแท่งยังคงเป็นที่นิยมนํามาเสริมจมูกจนถึงปัจจุบัน..............เพราะ

1. ไม่ต้องทําผ่าตัดหลายตําแหน่ง ตัดปัญหาที่จะเกิดผลข้างเคียงกับการนําเอากระดูกส่วนอื่นมาใช้
2. สามารถควบคุมรูปทรงได้ง่าย ด้วยการตกแต่ง เหลารายละเอียดตามที่ต้องการ เวลาที่ผ่านไปซิลิโคนยังคงรูปทรงเดิม
3. ถ้าไม่มีปัญหา สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิต โดยซิลิโคนจะแยกกับเนื้อเยื่อร่างกาย โดยร่างกายสร้างเยื่อพังผืดเหมือนเป็นแคบซูลมาหุ้มรอบซิลิโคน หากต้องการนําเอาซิลิโคนออก สามารถเอาออกมาได้ทั้งหมด
4. แพทย์มีความคุ้นเคยกับการใช้ซิลิโคนแท่งมาเป็นระยะเวลานาน ทําให้ภาพรวมของการทํา ผ่าตัด ค่อนข้างง่ายไม่ซับซ้อน และเมื่อเกิดปัญหามีทางออกให้ได้

E. การผ่าตัดเสริมจมูกด้วย ซิลิโคนแท่ง ส่วนใหญ่สามารถทําด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่ หลังผ่าตัด สามารถกลับไปดูแลที่บ้านได้ไม่จำเป็นต้องพักค้างที่โรงพยาบาลในรายที่มีการใช้ยากดระบบประสาทเพื่อให้เคลิ้มหลับระหว่างผ่าตัด อาจต้องพักดูอาการหลังทําก่อนที่จะให้กลับบ้าน

F. การดูแลหลังเสริมจมูกควรนั่งศรีษะอยู่ระดับสูง เพื่อลดอาการบวม ประคบเย็นจะช่วยให้เลือดที่ซึมในโพรงที่มีซิลิโคนอยู่ออกน้อยลงและทําใหปฏิกิริยาการอักเสบหลังการผ่าตัดเกิดน้อย การประคบควรทําต่อเนื่องจนกว่าจะยุบบวม ในรายที่มีร่องรอยเขียวช้ํา สามารถประคบอุ่น เพื่อให้เลือด ที่คั่งค้างอยู่กระจายหายได้เร็วขึ้น ควรทําความสะอาดในโพรงจมูกด้วยน้ำสบู่ที่อาบน้ำล้างหน้า และล้างหน้าตามปกติ เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรคในบริเวณผิวหนังหรือเนื้อเยื่อใกล้เคียง

G. อย่าลืมพบแพทย์ตามนัด ถ้าแพทย์ลืมนัด ก็ควรถามว่าจะให้มาตรวจอย่างไรบ้าง แพทย์ส่วนใหญ่ ชอบที่จะติดตามผลงานที่ตัวเองทําไว้ รายละเอียดต่างๆของรูปทรงจมูกจะเข้าที่ครบใช้เวลาหลาย เดือนถึงปี ดังนั้นบางส่วนต้องให้เวลากับร่างกายในการปรับสภาพเยื่อพังผืดที่หุ้มอยู่โดยรอบซิลิโคน ยกตัวอย่างผิวหนังส่วนใดของจมูกที่มีความหนาจะใช้เวลาในการหดรัดรูปช้ากว่าผิวหนัง บริเวณที่บาง เป็นต้น

การที่แพทย์ได้เห็นผลในระยะยาว นอกจากจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ที่รับการเสริมจมูกไปแล้ว ยังเป็นการช่วยให้แพทย์ได้ประเมินผลงานที่ทําไป และสามารถนํามาปรับปรุงพัฒนาผลงานให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยรวมก็เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆที่ควรจะทราบเบื้องต้น หากมีคําถามเพิ่มเติมอย่างไร สามารถสอบถามจากแพทย์ที่คุณจะไปรับการผ่าตัดได้ แพทย์แต่ละท่านอาจจะมีความแตกต่างกันในการให้ข้อมูลในการเลือกวิธีผ่าตัด และแตกต่างในรายละเอียดของการดูแลอยู่บ้าง เมื่อวางใจให้แพทย์ท่านใดทําผ่าตัดให้แล้ว ก็ควรจะรับฟังและปฏิบัติตามแนวทางของแพทย์ท่านนั้นๆ อย่าสับสนหรือรับข้อมูลหลายด้านที่ขัดแย้งจนงง เพราะทุกแนวทางย่อมต้องมีเหตุผลทางการแพทย์รองรับอยู่ แพทย์ที่เป็นผู้ผ่าตัดให้จะมีข้อมูลการตรวจของคุณตั้งแต่ก่อนทํา รู้รายละเอียดระหว่างทํา มากกว่าแพทย์ท่านอื่น และทราบผลหลังทํา จึงควรที่จะไปพบเพื่อดูแลผลต่อเนื่อง เมื่อเกิดปัญหาใดๆก็ตาม ควรกลับไปพบแพทย์ที่ทําให้ก่อน เพราะจะเป็นผู้ที่สามารถให้คําตอบ คําแนะนําเบื้องต้นได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าปัญหาซับซ้อนและไม่สามารถแก้ไขได้โดยตรง สามารถที่จะขอความเห็น เพิ่มเติมจากแพทย์ท่านอื่นได้เช่นกัน

พญ.สกุณา สัจจอิสริยวุฒ

ThPRS of Thailand