ศาสตร์ พิชิต ไขมันส่วนเกิน

ใครหลายคนคงปรารถนาจะมีรูปร่างที่ดีเพราะไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิต และการทํางานได้อีกด้วย แต่ในความเป็นจริงนั้นเรามักจะมีไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ตามจุดต่างๆของร่างกายหรือที่เรียกว่า “ไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน” ไม่ว่าจะเป็น ที่หน้าท้อง แขน ขา และ สะโพก เป็นต้น คําถามก็คือ แล้วไขมันส่วนเกินพวกนี้เกิดมาจากอะไร?



ที่มาและทางไปของไขมันส่วนเกิน

1. พันธุกรรม เป็นสิ่งที่สืบเนื่องมาจากพ่อ-แม่โดยตรง

2. กินเก่ง กินจุกจิก ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันมีอาหารให้เลือกสรร มากมาย ทําให้เกิดไขมันสะสมแล้วก็อ้วนในที่สุด โดยเฉพาะในบางตําแหน่ง เช่นแขน ขา ซึ่งเมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วก็ไม่ลดลง แม้น้ำหนักโดยรวมจะลดลงก็ตาม

3. ฮอร์โมน โดยเฉพาะคนที่รูปร่างไม่สูง จะมีแนวโน้มอ้วนง่าย ผอมยาก กินเพียงเล็กน้อยก็อ้วนขึ้น

4. อายุ เป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลมาก ในบางรายตอนยังวัยรุ่น หุ่นดีมาตลอดแต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นก็เริ่มอ้วน มีไขมันสะสมที่ขจัดยาก



ออกกําลังกาย ช่วยลดไขมันได้หรือไม่ ?

นี่อาจเป็นคําถามที่คาใจผู้ที่ต้องการกําจัดไขมันส่วนเกิน ซึ่งคําตอบคือ การออกกําลังกายสามารถช่วยในการลดน้ำหนักโดยรวม และทําให้ร่างกายแข็งแรง แต่สําหรับไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วนนั้นจะลดลงด้วยการออกกําลังค่อนข้างยาก และใช้เวลาค่อนข้างมาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ต้องใช้เวลาส่วนมากหมดไปกับการทํางาน การเรียน และกิจกรรมต่าง ๆ

ทางเลือกในการใช้เครื่องมือที่วางไว้ภายนอกแล้วปล่อยพลังงานความร้อนหรือความเย็นผ่านผิวหนังก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่แน่นอน ในปัจจุบันมีทางเลือกที่จะช่วยลดไขมันส่วนเกินให้ได้ผลแน่นอน นั่นคือการดูดไขมัน ซึ่งมีมานานกว่า 100 ปีแล้ว แต่เพิ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้น ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้ที่สนใจวิธีนี้ควรศึกษาข้อมูลจากแพทย์เฉพาะทางว่ามีรายละเอียดอย่างไร

ในยุคเริ่มแรกที่การดูดไขมันยังไม่ได้รับความนิยม เป็นเพราะมีอัตราเสี่ยงของผลข้างเคียงค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันมีวิวัฒนาการ และความสะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เช่นการดูดไขมันชนิดที่มีการฉีดน้ำยาเข้าไปให้เต็มพื้นที่ที่ต้องการจะดูดไขมัน ที่เรียกว่า Tumescent Liposuction

วิธีการนี้ส่วนใหญ่จะใช้แรงดูดสูง ทําให้ไขมันถูกดูดมาได้โดยเฉพาะไขมันที่มีการเกาะตัวกันสูง ทําให้มีโอกาสมากที่เนื้อเยื่อส่วนอื่นๆ เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท จะฉีกขาดจนเป็นอันตรายได้ ดังนั้นการดูดด้วยวิธีนี้เพียงอย่างเดียวจึงไม่ค่อยได้รับความนิยม

ปัจจุบันมีเครื่องมือหลายชนิดที่ทำให้การดูดไขมันปลอดภัยขึ้นง่ายขึ้น แผลภายในชอกช้ำน้อยลง หายเร็วขึ้น และทําให้การดูดไขมันเป็นมากกว่าการเอาไขมันส่วนเกินออก แต่สามารถปรับรูปร่างให้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองกับความต้องการของผู้คนปัจจุบันที่อยากมีหุ่นดีหุ่นสวยได้ นอกจากนี้การนำเครื่องมือมากกว่าหนึ่งชนิดมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มช่วยเสริมก้น เช่น VASER สลายไขมันทั่วไป แล้วใช้ดูดด้วยเครื่อง Power ซึ่งปัจจุบันมีทั้งแบบสั่นสลับหน้าหลัง หรือการหมุนเป็นวงกลมรอบตัวเองเพื่อให้ผลลัพธ์ดีมากตามลําดับ


 
ตารางเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันที่ใช้เครื่องมือช่วยในการดูดไขมัน

ตารางเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันที่ใช้เครื่องมือช่วยในการดูดไขมัน

 

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือแต่ละชนิด มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่โดยรวมก็ทำให้การดูดไขมันได้ผลดีขึ้นมากจนทำให้แทบทุกส่วนในร่างกายทั้งในส่วนลําตัว แขนและขา ศัลยแพทย์สามารถทําการดูดไขมันได้ แต่อยากจะเน้นย้ำว่า การดูดไขมันไม่ใช่การลดความอ้วน ดังนั้นดูดไขมันแล้วน้ำหนักจะไม่ได้ลดลง การดูดไขมันจึงเป็นเพียงการปรับลดรูปร่าง เฉพาะส่วน ให้ดูดีกลมกลืนไปกับส่วนอื่นๆได้เท่านั้น

ใคร ?? เหมาะสมที่จะดูดไขมัน

ผู้ที่จะรับการดูดไขมันได้ควรเป็นผู้ที่มีความพร้อมทางร่างกายและ จิตใจ ดังนี้ คือ

1. ผู้มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายในการรับการดูดไขมัน

2. มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือใกล้เคียงมาตรฐาน โดยทั่วไปน้ำหนักมาตรฐานสำหรับผู้หญิง คำนวณจากส่วนสูง (ซม.) ลบดว้ ย 110 กิโลกรัม สําหรับผู้ชายจะเป็นส่วนสูง (ซม.) ลบด้วย 100 กิโลกรัม หรือควร มีค่า BMI (น้ำหนัก (กก.) หารด้วย [ส่วนสูง (ม.)] อยู่ระหว่าง 18–25 หากผู้ที่ต้องการจะดูดไขมัน มีน้ําหนักตัวมากเกินไปจะทําให้มีความเสี่ยงมากขึ้นและเห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจน ใช้เวลาในการฟื้นตัวนานและอาจจะไม่ได้ผลเต็มที่

3. มีสภาพจิตใจเป็นปกติ มีความต้องการที่เหมาะสมและเป็นไปได้โดยไม่คาดหวังเกินความเป็นจริง เพราะการดูดไขมันช่วยกําจัดไขมันออกได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น

4. ผู้ดูดไขมันต้องบรรลุนิติภาวะ อายุ 20 ปี ขึ้นไป

การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมัน

ก่อนที่จะรับการดูดไขมัน ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมเสียก่อน โดยตรวจเช็คร่างกายและผลเลือดหาค่าความเข้มข้นของเลือด เกร็ดเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ การติดเชื้อแฝง (พาหะโรค) หรือตรวจเช็คการทํางานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ตับ ไต การแข็งตัวของเลือดในรายที่สูงอายุ เป็นต้น ถ้าพบสิ่งผิดปกติก็ต้องไปตรวจเพิ่มเติมโดยแพทย์เฉพาะทางเสียก่อน และสําหรับผู้ที่ต้องดูดไขมันหลายจุดนั้น แพทย์จะแนะนําให้รับประทานอาหารเสริม วิตามิน หรือ ธาตุเหล็ก 2 - 4 สัปดาห์ ก่อนทําการดูดไขมัน

ในรายที่สูบบุหรี่ ต้องงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก และออกกําลังกายเพื่อผลลัพธ์ที่ดี และฟื้นตัวได้ไวขึ้น รวมถึงในผู้ที่อ้วนลงพุงนั้น จะมีการแนะนำเพิ่มเติมให้ใส่ชุดรัดลำตัว (Garment Support) ก่อนทำการดูดไขมัน นอกจากเพื่อให้ชินกับการพันผ้ารัดหลังการดูดไขมันแล้ว ยังเป็นการเตรียมกระเพาะอาหารและลําไส้ให้ชินกับการกินน้อยลงด้วย

วิธีการดูดไขมัน

เริ่มต้นด้วยการทําความสะอาดบริเวณที่จะผ่าตัดและบริเวณใกล้เคียงด้วยสบู่ยา จากนั้น จะทําการกําหนดจุดที่จะทําการดูดไขมัน และในรายที่ไม่ได้ดมยาจะสลบ จะให้ยาชาเพื่อระงับความเจ็บปวดหรือเพื่อให้ยาเสริม เช่น ยาคลายความตึงเครียด โดยการเปิดแผลขนาดเล็กไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ไว้เป็นช่องทางสําหรับใส่น้ำยาเข้าไป ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงเริ่มทําการ สลายไขมันด้วยเครื่องมือและวิธีการที่กล่าวไว้ข้างต้น

หลังผ่านกระบวนการสลายไขมันจนไขมันแตกตัวแล้ว จะดูดไขมันออกด้วยเครื่องดูด แรงดูดต่ำ ซึ่งจะได้ไขมันที่แตกตัวแล้วปนออกมากับน้ำ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ก็ทากาวปิดแผลและพันผ้าปิดแผล หรือใส่ชุดรัดลําตัวให้เหมาะสมกับขนาดของผู้ที่ดูดไขมัน

การดูแลหลังการดูดไขมัน

ควรมีการจัดท่าทางให้เหมาะสม เช่น ถ้าดูดไขมันต้นแขนก็ให้ยกแขนสูง ถ้าดูดไขมันที่ต้นขาก็ให้ยกขาสูง ถ้าดูดไขมันที่ท้อง และมีรูระบายอยู่ที่ขาหนีบก็ควรลุกยืนเป็นระยะ โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมภายหลังการ ดูดไขมัน จะคงอยู่กว่า 1 สัปดาห์ เมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 2 อาการบวมจะค่อยๆ ลดลง จนครบ 2 สัปดาห์ แผลก็จะสมานและอาการคั่งของน้ำเหลือง (Serum) จะหายไป เกิดการกระชับมากขึ้น จนสามารถเดินเหินไปมาได้ ช่วงแรกอาจจะยังรู้สึกตึงมีอาการปวด แต่จะค่อยๆดีขึ้นจนหลังสัปดาห์ที่ 6 จึงออกกําลังกายได้มากขึ้นตามลําดับ ปัจจุบันมีการพัฒนาการดูดไขมันให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น สามารถเลือกดูดไขมันให้มีส่วนลึกส่วนตื้น จนกลายเป็นการดูดไขมันที่มีความคมชัด (High-Definition Liposculpture) ตามส่วนต่างๆ เพื่อให้ได้รูปร่างเฉพาะส่วนที่เน้นให้เห็นมัดกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อหน้าอก (ชาย) กล้ามเนื้อต้นแขน หรือกล้ามเนื้อหลัง เป็นต้น ตั้งแต่การปรับรูปร่าง กำจัดส่วนเกินออกจนถึงการปรับแต่งรูปร่างให้มีส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้นในผู้หญิงหรือเห็นกล้ามเนื้อชัดขึ้นในผู้ชาย ซึ่งการควบคุมอาหารและการออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วย จะทําให้ท่านได้รูปร่างที่สมส่วนไปจนถึงความงดงามบนเรือนร่างเฉกเช่น นายแบบ นางแบบ หรือ นักกีฬา ได้เช่นกัน

ThPRS of Thailand