ศัลยกรรมชั้นตา ด้วยวิธีผ่าตัดแผลขนาดเล็ก

หลักและวิธีการ “การผ่าตัดแผลขนาดเล็ก”

การผ่าตัดลงแผลเล็ก ไม่ใช่วิธีใหม่หรือแปลกพิสดารแต่อย่างใด แต่เป็นวิธีที่พัฒนาขึ้นมาจากการผ่าตัดแผลกรีดยาว โดยลดความยาวของแผลลงมาเรื่อยๆ จากที่เคยกรีดยาวตั้งแต่หัวตา ยันปลายหางตา หรือในบางคน มีการกรีดกระดกปลายหางตา เพื่อยกหางตาด้วย ซึ่งเรียกกันตามความเข้าใจว่า “หางหงส์”    

จากเดิมการลงแผลเล็กและตัดหนังตาบางส่วนนั้น แผลจะยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร โดยจะลงแผลประมาณกึ่งกลางตา แต่ปัจจุบัน มีการพัฒนาแผลบริเวณเปลือกตา ให้มีขนาดเล็กลง เหลือเพียง 2-3 มิลลิเมตรเท่านั้น จากนั้นแพทย์จะเอาไขมันในถุงตาบน ออกไป และเข้าไปลบชั้นตาเก่า สร้างชั้นตาขึ้นมาใหม่ เย็บกล้ามเนื้อตาเข้ากับผิวหนังชั้นหนังกำพร้าจากทางด้านใน โดยระดับความสูงของชั้นตานั้น จะสูงตามความเหมาะสมของเบ้าตาในแต่ละบุคคล ไม่ใช่สูงตามใจแพทย์หรือสูงตามใจคนไข้ โดยหลังผ่าตัดเสร็จคนไข้สามารถกลับไปทำงาน หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติ

การผ่าตัดด้วยวิธีการแบบนี้ ขึ้นอยู่กับศัลยแพทย์ ว่าจะมีความสามารถ ในการนำวิธีการนี้ ไปใช้ให้เหมาะสมกับคนไข้แบบไหนได้บ้าง  สำหรับคนไข้ที่มีตาชั้นเดียวนั้น ทำได้อยู่แล้ว แต่คนไข้ตา 2 ชั้น ที่ชั้นตาเล็กหลบใน หรือเคยมีชั้นตาสวยงามในอดีตอยู่แล้วก็สามารถทำได้ และวิธีนี้ทำได้ตั้งแต่วัยรุ่นหรือแม้แต่ ช่วงอายุประมาณ 50 ปี ขึ้นไป เพียงแต่ต้องประเมิน คุณภาพผิวหนัง ความย่น ความย้อยของหนังตา โดยเฉพาะที่ปลายหางตา ว่าหย่อนมากน้อยเพียงใด

แต่แน่นอนว่า ไม่มีวิธีไหน เหมาะกับตาทุกแบบหรือสามารถแก้ไขได้ทุกปัญหา ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ที่จะแนะนำวิธีการที่เหมาะสมหรือถูกต้องได้ ที่สำคัญศัลยแพทย์ที่ดีควรมีความสามารถที่จะทำตาได้ทุกแบบและทุกเทคนิค 

อายุการใช้งานของการทำตา  ด้วยวิธีผ่าตัดแผลขนาดเล็ก 

“สิ่งใดใดในโลกล้วนอนิจจัง ปรวนแปรเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา” คนเราต้องแก่ และไม่มีการทำศัลยกรรมส่วนใด หรือชนิดไหน คงอยู่ตลอดไป โดยที่กาลเวลาทำอะไรไม่ได้ โดยปกติการผ่าตัดทำตาแบบใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแบบแผลเล็ก แผลใหญ่ ตัดหนังทิ้งหรือไม่ตัดหนังตาทิ้ง ก็จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยะประมาณ 5-10 ปี ส่วนจะยาวนานกว่านี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจ้าของร่าง ถ้าหากใช้งานร่างกายหนัก มีความเครียด ตากแดดมาก สูบบุหรี่กินเหล้า แน่นอนว่าย่อมแก่เร็วกว่าคนที่ใช้ชีวิตในด้านตรงข้าม 

แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง อาจจะทำให้ “ชั้นตา” นั้น อยู่ได้ตลอดจวบจนชีวิตหาไม่ ก็คือ คนไข้ที่บอกคุณหมอว่า ช่วยกรีดชั้นตาใหญ่ๆ ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า “กรีดชั้นตาให้ใหญ่ๆ”เอาไว้ เผื่อสวยพอดีตอนอายุ 60 !!!! เพราะเมื่อถึงตอนนั้นคิ้วที่เปรียบเสมือนราวตากผ้า ก็จะหย่อนตกลงมา จนทำให้เปลือกตา ห้อยย้อยลงมาปิดชั้นตาที่กรีดเอาไว้สูงๆ นั่นแหละ จึงเรียกได้ว่า สวยพอเหมาะพอดีกับเวลา

การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมตาในทุกๆแบบ

การพบแพทย์เพื่อตรวจ หรือรักษา หรือแม้แต่ศัลยกรรมต่างๆ จำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมในระดับหนึ่ง ส่วนจะมากหรือน้อย ละเอียดเพียงใดขึ้นอยู่กับอาการหรือประเภทของการศัลยกรรม ซึ่งการ “ผ่าตัดทำชั้นตา” ก็เช่นกัน แม้การเตรียมตัวไม่ถึงกับเคร่งครัด แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมไว้บ้าง

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

แรกสุดในเช้าวันผ่าตัด ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้า หรือตกแต่งเปลือกตา เรียกง่ายๆว่า ตื่นเช้ามาแบบไหน ก็ไปโรงพยาบาลแบบนั้น ถ้าคนไข้มียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยาคุมกำเนิด ยาเบาหวาน ยาความดัน ให้ทานมาได้ตามปกติ และไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร เพราะการผ่าตัดทำศัลยกรรมตา เป็นการฉีดยาชาเฉพาะที่ ไม่จำเป็นต้องฉีดหรือดมยานอนหลับ

หลายท่านคงสงสัยว่า ทำไมไม่ต้องนอนหลับ หรือ ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตาจริงๆจึงไม่แนะนำให้ฉีดยานอนหลับในระหว่างผ่าตัดตา ขอตอบแทนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายว่า ระดับชั้นตาคนไข้ ในท่านอน และท่านั่งนั้นมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นระดับคิ้วในท่านอน หรือในท่านั่ง นิสัยการติดยกคิ้ว ยกหน้าผากก็ด้วย  ถ้าเป็นท่านอนแล้ว คนไข้แทบไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อหน้าผากช่วยในการยกคิ้วเลย แต่ในท่านั่ง ท่ายืน ซึ่งเป็นท่วงที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน มากกว่า 2 ใน3 ของวันนั้น หลายท่านต้องพยายามยกคิ้วยกหน้าผาก ช่วยถ่างชั้นตาเอาไว้จนเป็นนิสัยก็มี

ดังนั้น การที่ศัลยแพทย์ไม่ได้ให้หลับนั้น ก็เพื่อดูระดับความสูงของชั้นตาในระหว่างทำ ว่าเท่ากันดีทั้งสองข้างหรือไม่ เพราะปัญหาที่หนักใจที่สุดของศัลยแพทย์ ก็คือ ความไม่เท่ากันของชั้นตาหลังการผ่าตัด จนต้องถกเถียงกับคนไข้ว่า ชั้นตาที่กรีด หรือที่ทำนั้นเท่ากันดีแล้ว แต่คนไข้ต่างหากที่ยกคิ้ว จนทำให้ชั้นตาไม่เท่ากัน ซึ่งข้อถกเถียงนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ

นอกจากนี้ ยาบางชนิด หรือ สมุนไพรบางอย่างก็ส่งผลต่อการผ่าตัดด้วย จึงต้องแนะนำให้งดก่อนอย่างน้อย 7 -10 วันก่อนและหลังผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็น ยาแอสไพริน ( ยาละลายลิ่มเลือด ) อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของสารกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ไม่ว่าจะเป็น Grape seed  (สารสกัดจากเมล็ดองุ่น)  ถั่งเช่า หรือ โสมสกัด วิตามินอี

การปฎิบัติตัวหลังการผ่าตัด

ขึ้นชื่อว่าการผ่าตัดแล้ว ย่อมต้องมีการบวมกันบ้าง ไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ในระหว่างการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บต่อเส้นเลือด หรือ การบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อของเปลือกตาก็ตาม เมื่อมีอาการบวมเกิดขึ้น สิ่งที่สามารถลดอาการบวมได้มากที่สุด ก็คือการประคบเย็น และ การกินยาลดบวมตามที่แพทย์สั่ง

แน่นอนว่าการกรีดแผลยาวย่อมบวมนานกว่าแผลเล็ก หรือ การผ่าตัดแบบไร้แผล และนั่นคือความตรงไปตรงมา แต่ก็มีอีกหลายกรณีเช่นกัน ที่ไม่ตรงไปตรงมา ที่แผลเล็กบวมนานกว่า ช้ำมากกว่าแผลแบบยาวๆเช่น ถ้าระหว่างผ่าตัดนั้น แพทย์ผ่า หรือเย็บไปโดนเส้นเลือดฝอยภายในเปลือกตา ก็จะเกิดอาการดังกล่าว

แน่นอนว่าคนเปิดแผลใหญ่ย่อมหาตำแหน่งเส้นเลือดที่ฉีกขาดได้ง่ายกว่า และ หยุดเลือดที่ออกนั้นได้เร็วกว่าและดีกว่า  ส่วนวิธีไร้แผลและผ่าเล็กนั้น ถ้าเกิดผ่าตัดแล้วไปทำให้เส้นเลือดภายในเปลือกตาฉีกขาดละก็บอกได้เลยว่า หน้ามืดทั้งคนผ่าและคนไข้ ดีไม่ดีต้องมาแอบกระซิบคนไข้ว่า “หมอขอเปลี่ยนมาผ่าแบบกรีดแทนนะ” ซึ่งก็มีบ่อยที่เป็นเช่นนี้

โดยทั่วไปแล้ว แม้ระหว่างการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี ก็ไม่ได้หมายความว่าการผ่าตัดนั้นจะดีสมดังหวังเสมอไป ต้องบอกว่ามีแนวโน้มดี เพราะยังต้องระวังเรื่องของการติดเชื้อของแผลผ่าตัด การเกิดแผลเป็นที่เห็นชัดหรือไม่ชัด ของแผลผ่าตัดที่เปลือกตา และที่สำคัญก็คือ ได้ “ตา” สมดังหวังของคนไข้หรือเปล่า ?? ซึ่งนั่นน่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่สุด

บทสนทนา ว่าด้วยการผ่าตัดเปิด-ปิด หัวตา

เมื่อไม่กี่วันมานี้ หมอมีโอกาสพูดคุยกับรุ่นน้อง ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งท่านหนึ่ง  เห็นว่าเป็นบทสนทนาที่น่าสนใจและเหมาะกับช่วงเวลานี้มาก  บทสนทนาดังกล่าวพูดถึง เรื่องที่มีคนไข้เข้ามาปรึกษาทำตาสองชั้น  

บทสนทนา ระหว่างหมอ กับน้อง

น้อง :   “พี่ๆ พี่ทำตาสองชั้นแบบเปิดหัวตาเป็นไหม”

หมอ :  “อ๋อ Medial Canthoplasty นะเหรอ ก็ทำได้นะ แต่มันมักเป็น แผลเป็น ตรงหัวตา ในคนไทย ส่วนใหญ่ จะเห็นชัดนะ พี่มักจะผ่าวิธี Skin Redraping Method

น้อง : “พี่ เดี๋ยวนี้คนไข้ เค้าฮิตกัน บอกว่าตา จะได้เปิด เห็นหัวตายาวๆ แบ๊วๆเหมือน ตาเกาหลี”

หมอ :  “เฮ้ย แต่ตาคนไทย ส่วนใหญ่มันหัวตาแหลมๆ อยู่แล้ว ที่คนเกาหลีเค้าต้องทำm Medial Canthoplasty   ก็เพราะคนประเทศเค้า มีปัญหาเรื่อง Epicanthal fold หนาและกว้าง  คนไทยไม่ค่อยเป็นหรอก” 

น้อง :  “เออ ผมก็ว่าอยู่  เมื่อวานนี้ คนไข้มาปรึกษาผมว่า จะทำตา 2ชั้น แบบเปิดหัวตา  ผมก็ตรวจดู ไม่เห็นว่า คนไข้จะมีปัญหา Epicanthal fold  เลย ผมก็เลยบอกว่า  ไม่เห็นต้องทำนิครับจะทำไปทำไมในเมื่อ หัวตาคุณเปิดอยู่แล้ว ระหว่างนั้นคนไข้ ก็พูดสวน ขึ้นมาเลยว่า “ไหน? ค่ะ หมอ  เปิดตรงไหนนี่ปิดชัดๆ หมอมองไม่เห็นหรือค่ะว่ามันปิดอยู่”  ระหว่างนั้นคนไข้ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสแกนใบหน้า เพื่อปลดล็อคโทรศัพท์ แล้วก็โหลด   รูปภาพคนไข้ท่านหนึ่ง ที่ทำตากับคุณหมอชื่อดังแล้ว บอกว่า”นี่ไงคะหมอ!! ผ่าตัดแบบเปิดหัวตา เค้าทำกันแบบนี้ แค่นี้หมอไม่รู้??? หนูไม่ทำกะหมอแล้ว”

หมอ: แล้วภาพที่เห็นในรูปที่คนไข้โหลดมา มันเป็นยังไงละน้อง 

น้อง: มันเป็นภาพหัวตาแบบ Tapered (Infold) ผ่าแล้วเป็น Paralleled (Outfold) ครับพี่

หมอ: แล้วอย่างนี้มันต้องผ่าแบบ Medial Canthoplasty ด้วยหรอ? ในเมื่อคนไข้หลายคนพอทําาตา 2 ชั้น มันก็ เป็นหัวตาแบบ Paralleled อยู่แล้วไม่จําาเป็นต้องมาผ่าตัด Medial Canthoplasty ให้เป็นแผลเป็นที่หัวตาน่าเกลียดๆ

น้อง: ผมนี่งงไปเลยพี่ เดี๋ยวนี้มีการทำการตลาดแปลกๆ เอาศัพท์แพทย์ยากๆ ที่คนไข้ไม่เข้าใจ มาหลอกคนไข้ คิดเงิน คิด ทองเพิ่ม

หมอ: อืมใช่ พี่ก็เคยได้ยินมา อย่างเรื่องเอาไขมันที่เปลือกตา ออก ก็คิดเงินเพิ่ม ในเมื่อมันเป็นการผ่าตัดที่ง่ายๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะจะเย็บสร้างชั้นตาได้มันก็เอาไขมันออก จะคิดเงินเพิ่มทําไม หรือแม้กระท่ังว่าระหว่างทําาผ่าตัดอยู่ ก็บอกคนไข้ว่า กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะขอคิดเงินเพิ่ม ถ้าคนไข้ไม่จ่ายหรือบอกว่าตาหนูเป็นหรือคะ หมอไม่เคยบอกมาก่อน? หมอจะบอกคนไข้ว่า ประเดี๋ยวทําาออกมาจะไม่ สวยนะคะ!!! จ่ายมาซะดีๆ ...แบบนี้ก็มีนะพูดจริงๆ

รู้จักศัพท์เฉพาะทาง ก่อนทำชั้นตา

เพื่อให้เข้าใจบทสนทนามากขึ้น หมอจะอธิบายให้รู้จักความหมายของศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการทำชั้นตาไปพร้อมๆกัน 

Medical Canthoplasty คือการผ่าตัดเปิดหัวตา โดยการเลื่อนหัวตาที่มนๆ ของคนไข้ให้แหลม และเห็นหัวตาแดงๆ แพทย์บางคนไข้วิธีนี้ เพื่อทำให้ตาดูยาว คนไข้ที่เหมาะกับวิธีนี้คือ คนไข้ที่ตาเล็กแคบมองไม่เห็นมุมหัวตา ข้อเสีย คือ เกิดแผลเป็นบริเวณหัวตา เนื่องจากเนื้อบริเวณนี้ค่อนข้างบาง เวลาเกิดแผลเป็นจะเห็นชัดโดยเฉพาะสีของแผลเป็น จะแตกต่างกับสีเนื้อของคนไข้อย่างชัดเจน

Epicanthal fold คือภาวะ ที่มีแผ่นเนื้อคล้ายกับพังผืด ยึดอยู่บริเวณหัวตา โดยยึดระหว่างเปลือกตาบนและเปลือกตาล่างทำให้หัวตาคนไข้จะดูมนและกลม มักพบได้ในคนเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งระดับ ได้ 4 ระดับ โดยคนไทยมีภาวะนี้ไม่มาก และถ้ามีก็เป็นระดับน้อยๆ

หัวตาแบบ Paralleded (Outfold) คือชั้นตา 2 ชั้น วิ่งเป็นเส้นคู่ขนานจากหางตา ไปหัวตา

หัวตาแบบ Tapered (Infold) คือชั้นตา 2 ชั้น วิ่งเป็นเส้นขนานจากหางตา แต่ไปบรรจบรวมกันเป็นเส้นเดียวกันที่หัวตา  

 Skin Redraping Method คือ เทคนิคหนึ่งในการทำ Medial Canthoplasty แบบหนึ่งที่เกิดแผลเป็นที่หัวตาน้อยที่สุด และเป็นที่นิยมทำกันมากในศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตามเทคนิคนี้ ต้องระวังการบาดเจ็บต่อท่อน้ำตาเป็นอย่างมาก

หลังจากอธิบายคำศัพท์ดังกล่าวแล้ว หวังว่าจะได้เข้าใจตรงกัน และสื่อสารกับคุณหมอ คนที่ท่านสนใจจะผ่าตัดด้วยได้อย่างถูกต้อง ว่าที่จริงแล้วแล้วท่านต้องการอะไร? จำเป็นต้องทำและทำแล้วคุ้มค่าหรือไม่ ถ้าต้องแลกระหว่างหัวตาแบบParalleled กับแผลเป็นที่ไม่มีวันหายที่หัวตา ต้องคอยทา อายเชโดว์อยู่ตลอดเวลา

จากบทสนทนา ระหว่างผมกับหมอรุ่นน้อง  ทำให้เห็นว่า ปัจจุบันมีการทำการตลาด โดยอาศัยความไม่รู้ของคนไข้ เอาคำศัพท์แพทย์ แปลกๆยากๆ มาทำการตลาด เพื่ออ้างว่ายกระดับคุณภาพ แล้วยกระดับราคา หลอกล่อว่า ต้องทำแบบนั้นแบบนี้ แล้วคิดเงินเพิ่ม แน่นอนว่า ตาของคนไข้บางคนทำยากมาก โดยเฉพาะกรณีที่เป็นการแก้ตา กรณีเบ้าตาลึกโบ๋ ที่จำเป็นต้องฉีด ไขมัน หรือฟิลเลอร์ ซึ่งกรณีแบบนี้ก็ต้องเห็นใจหมอเพราะเป็นการรักษาที่ยากพอดู

แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า ควรประเมินค่าใช้จ่ายให้หมด ก่อนคนไข้ขึ้นเตียงผ่าตัด ไม่ใช่นำมีดผ่าตัด จดจ่อรออยู่ตรงหน้า แล้วเรียกร้องเงินทองเพิ่มกับคนไข้ แบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับโจรเรียกค่าไถ่!!!

สำหรับตัวผู้เขียนในฐานะหมอคนหนึ่ง กรณีไหนที่ทำได้ยาก หรือ คนไข้ทำตามาแล้ว เกิดเสียหาย แผลตา ปริ เปลือกตาปลิ้น  ถ้าหากประเมินแล้วว่าแก้ไม่ได้ หรือไม่มีความจำเป็นต้องแก้ ต่อให้เสนอค่าใช้จ่ายราคาสูงก็ไม่รับทำ

ท้ายที่สุด อยากให้คนไข้หาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะผ่าตัด โดยเฉพาะข้อมูลของแพทย์ ซึ่งอยากย้ำอีกครั้งว่า การที่จะบอกว่าแพทย์ท่านใดเป็นผู้เชี่ยวชาญ ให้ค้นหารายชื่อจาก เวปไซต์ของ แพทยสภา เพื่อตรวจสอบดูปีที่จบ   ประสบการณ์ ชื่อเสียงของท่านเหล่านั้น ที่สั่งสมมา อย่างน้อย 10ปี  

อย่างไรก็ตาม การทำศัลยกรรมมีความเสี่ยง เชื่อว่าแพทย์ผู้มีประสบการณ์ทุกท่านจะพูดเหมือนกันอย่างหนึ่ง แม้ว่าจะทำผ่าตัดได้ดี ได้เก่งแค่ไหน ย่อมมีกรณีที่มีปัญหา การที่หมอศัลยกรรมผ่าให้ท่าน และเพื่อนของท่าน จนทำให้สวยงามได้  ก็ไม่ได้หมายความว่าจะผ่าหรือทำให้ญาติของท่านสวยได้เหมือนกัน เพราะความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ และขอทิ้งท้ายด้วยประโยคคลาสสิคว่า 

"หมอเองก็ไม่ได้เป็นหมอที่เก่งที่สุด แต่หมอยินดีจะให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาที่สุดครับ"

นพ.อดุลย์ชัย ธรรมาแสงเสริฐ

ThPRS of Thailand