ปรับรูปตาอย่างไรได้บ้าง ให้ใบหน้าดูดี

“การผ่าตัด ทำตา” นับเป็นการผ่าตัดเสริมความงามยอดนิยม และคุ้นเคยกันดีสำหรับคนไทย เพราะส่วนหนึ่งมีคนไทยเชื้อสายจีน ที่เกิดมาพร้อมกับชั้นตาที่น้อยมาก หรือแทบจะมองไม่เห็นเป็นชั้น จึงมักได้ยินคำว่า “ทำตาสองชั้น” มาตั้งแต่รุ่นคุณย่าคุณยาย ส่วนคุณปู่คุณตา สมัยนั้นอาจจะมีน้อย เพราะผู้ชายยังไม่กล้าจะทำศัลยกรรม เนื่องจากเกรงว่าหากทำตาแล้ว ตาจะหวานฉ่ำ จนกลายเป็นเป้าสายตาคนอื่นให้ดูรู้ว่าไปทำมา

ปัจจุบันความนิยมทำ “ตาสองชั้น” ไม่ได้เจาะจงนำมาใช้เฉพาะ “สาว หมวย” เท่านั้น  แต่ผู้ชายเอง ก็มีทางเลือกได้มากขึ้นเช่นกัน ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ประกอบกับการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดที่ล้ำสมัย ช่วยให้แพทย์สามารถแก้ไขตกแต่งสภาพตา ตามที่ต้องการได้มากขึ้น สะดวก ระยะเวลาการพักฟื้นน้อยลง และยังมีความเป็นธรรมชาติ สมบูรณ์แบบ 

มารู้จักหลากหลายเทคนิค การทำชั้นตา

ลองติดตามอ่านตามลำดับ แล้วส่องกระจกดูตาของเพื่อน หรือของตัวเองไปด้วยกัน เพื่อให้เข้าใจสภาพโครงสร้างของ “ตา” ได้ชัดเจนมากขึ้น และเมื่อเข้าใจแล้วจะได้คุยกับแพทย์ให้เข้าใจตรงกัน ก่อนที่จะเลือกวิธีที่เหมาะสมในการ“ทำตา”เพราะใบหน้าแต่ละคน จะมีความหลากหลาย หากสังเกตให้ดีจะพบว่า แม้แต่โครงสร้างตาของใบหน้าเราเองทั้งสองข้าง ส่วนใหญ่ล้วนมีความแตกต่าง ไม่มากก็น้อย บางทีก็สูงต่ำ บางทีก็เอียง หรือเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน บางทีก็พบว่าเปลือกตาที่บังตาดำ ไม่เท่ากัน ซึ่งบางท่านอาจทราบอยู่แล้วว่า นั่นคือ ปัญหากล้ามเนื้อเปิดตาอ่อนแรง ( Eyelid Ptosis ) 

สำหรับบริเวณ “ตา” หากจะดูให้ครบองค์ประกอบอย่างศัลยแพทย์ตกแต่ง ต้องดูรวมไปถึงคิ้ว และโหนกคิ้วด้วย เพราะทั้ง 2 อย่างนั้น ล้วนส่งผลโดยตรงกับชั้นตาทั้งสิ้น 

ชั้นตาเดิมที่มีมาตั้งแต่เกิด คุณพ่อคุณแม่จัดสรรมาให้ เป็นรอยแต่กำเนิด จึงต้องเข้าใจว่าการจะไปลบร่องรอยชั้นเดิมให้หายสนิทนั้น เป็นไปได้ยากมาก

ผิวเปลือกตา โดยเฉพาะผิวส่วนที่จะเหลือหลังจากทา อายแชโดว์ ให้สังเกตว่าเหลือมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ ยังขึ้นกับว่าผิวหนังที่ห้อยคล้อยมาบังชั้นตาตั้งแต่เกิดนั้น มีมากแค่ไหนด้วย ถึงแม้บางคนมีชั้นตาสูง แต่พออายุมากขึ้น ระดับคิ้วจะตกหย่อนลงมา ส่วนผิวหนังที่อยู่ใต้คิ้ว ก็หย่อนจนมาบังชั้นตา ทำให้คนอื่นมองเห็น สีที่ทาขอบตาไว้นิดเดียว หลายคนเวลาออกงานสังคม หรืองานที่ต้องสร้างความมั่นใจ จึงใช้สติ๊กเกอร์ใสๆมาแปะค้ำไว้ชั่วคราว แต่บ่อยครั้งก็มีอาการแพ้สติ๊กเกอร์ เกิดผื่นแดงบวม จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง

โหนกคิ้วและคิ้ว ทราบหรือไม่ว่า โหนกคิ้ว ก็มีผลกับรูปทรงตาด้วย หากจับดูที่ปลายคิ้วจะเห็นว่าผิวค่อนข้างหนา เมื่อจับลึกๆ จะพบกระดูก สำหรับบางคนที่กระดูกใหญ่ แต่กลับนึกว่าตัวเองมีไขมันเยอะยิ่งต้องระวังให้มาก เพราะในรายที่กระดูกใหญ่ บางทีจะมีร่องกระดูกที่ลึก คือร่องระหว่างลูกตาและกระดูก หากเข้าใจว่าเป็นไขมันและผ่าตัดออก จะยิ่งทำให้ตาลึกมากขึ้น คล้ายตาลึกๆของดาราจากชาติตะวันตก ที่มีทั้งเบ้าตาลึก หรืออาจมีชั้นตาบางๆอยู่หลายๆชั้น ดูไม่เรียบร้อย 

เมื่อมีความรู้พื้นฐานแล้ว ก็ต้องถามตัวเองว่า อยากเปลี่ยนแปลงรูปทรงตาอย่างไร เช่น ต้องการชั้นตา ที่สูงขึ้นหรือไม่ เพราะผู้หญิงเมื่อทาอายไลเนอร์แล้ว ย่อมอยากให้มีคนเห็นบ้าง แต่สำหรับบางคนแม้ทาไปแล้ว ก็ยากที่คนอื่นจะมองเห็น เพราะปัญหาเรื่องชั้นตา

ดังนั้นการเลือก “ชั้นตา” จึงมีองค์ประกอบอื่น โดยเฉพาะการที่จะเลือกได้ว่า จะได้ “ชั้นตา”สูงมากน้อยเพียงใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับกรอบกระดูกเบ้าตา ซี่งไม่สามารถทำชั้นตา ให้ล้นออกไปได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม บางคนจึงเลือกให้ทำ “ชั้นตา” ได้มาก ขณะที่บางคนไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะโครงสร้างกระดูกเบ้าตา ทำให้ได้ “ชั้นตา” เพียงไม่มาก หรือเรียกว่า เหลือชั้นตาหลบในนั่นเอง

สำหรับบางคนที่ผิวหนังเปลือกตาอูม ต้องให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยว่าเป็นจากไขมัน หรือเป็นเพราะผิวหนังส่วนคิ้วที่หนา แล้วตกหย่อนลงมาบัง เพราะการผ่าตัดตกแต่ง จะมีเทคนิคที่แตกต่างกัน

อีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่ม ซึ่งหมายถึง เลขสี่มาถึงแล้ว ทุกอย่างเริ่มตามมา คือผมหงอก ตายาว รวมไปถึงผิวหนังเปลือกตาส่วนคิ้วเริ่มหย่อนจนมาบังชั้นตา และเกิดปัญหาว่า ทำไมความสวยไม่เหมือนเดิม การแก้ไขจึงต้องพิจารณาทั้งปัจจัยดั้งเดิม คือ ชั้นตาที่มีน้อยแต่แรก และต้องการเพิ่มความสูงของชั้นตาอีก หรือจะแก้ไขที่ต้นเหตุ คือ ปรับที่คิ้วหย่อน เพื่อยกเอาผิวหนังที่ตกลงมากลับไปที่เดิม เหมือนเมื่อตอนยังเป็นสาว 

ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เช่น เปิดหัวตา เปิดหางตา หางหงส์ เหล่านี้เป็นรายละเอียด ที่สามารถปรึกษาจากแพทย์ได้ บนพื้นฐานการเข้าใจโครงสร้างธรรมชาติก่อนว่า รูปทรงตาของแต่ละคนนั้นได้มาจากพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงที่มากเกินพอดี โดยพยายามเปลี่ยนโครงสร้างธรรมชาติ เช่น ตัดหรือย้ายเอ็นยึดหัวตา หรือปรับเปลี่ยนเอ็นที่ยึดส่วนหางตา ย่อมมีโอกาสสูงที่จะทำให้เกิดความผิดพลาด จนเพี้ยนไปจากความเป็นธรรมชาติ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำ “ตา” จึงควรไปพบแพทย์ เพื่อที่อย่างน้อย จะได้มีเวลาทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนทำ เพราะส่วนใหญ่ การทำตา ยังมีข้อได้เปรียบที่ว่า แพทย์สามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆตรวจสอบชั้นตาเพื่อให้คนไข้ได้เห็นด้วยตัวเองว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไร ซึ่งผลลัพธ์นั้น ใกล้เคียงกับที่จะได้จริงเมื่อแล้วเสร็จ จะได้ไม่เสียใจในภายหลังว่า “รู้แบบนี้ไม่ทำดีกว่า”

เทคนิคการทำตาสองชั้นแบบต่างๆ

การทำตาสองชั้น หรือ การตกแต่งผิวหนังเปลือกตาบน มีหลายเทคนิค ซึ่งจะเรียกตามลักษณะแผลที่ใช้เป็นทางเข้าของเส้นไหมที่ใช้ร้อย  เช่น 

เทคนิคที่ไม่มีรอยแผลกรีด หรือที่หลายคนรู้จักว่า แบบเย็บ หรือบางท่านอาจเรียกว่าเจาะ 3 จุด ( Buried Suture Technique Blepharoplasty ) ความจริงจะมีกี่จุด ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสุดท้ายแล้วมักไม่มีร่องรอยเหลือ

เทคนิคการกรีดรอยแผลยาวตามความเหมาะสม  ( Customized limited incision Blepharoplasty )

 เทคนิคการกรีดรอยแผลแบบสั้นๆ ( Minimal incision Blepharoplasty )

แพทย์แต่ละท่านจะเลือกใช้วิธีที่เหมาะกับผู้รับการรักษาแต่ละราย ส่วนใหญ่จะสัมพันธ์กับผิวหนังที่เกินมา ในคนสูงวัยที่มีผิวหนังเกินมามาก แผลย่อมมีโอกาสยาวกว่า แต่ในคนที่อายุน้อย หากไม่มีปัญหาผิวหนังเกิน ก็สามารถเลือก “ทำตา” แบบไม่ต้องมีรอยแผลกรีด หรือเป็นรอยแผลเพียงสั้นๆได้ 

หลายคนอาจเคยได้ยินว่า ทำตาด้วยเลเซอร์ หรือด้วยสารพัดเครื่องมือต่างๆ ซึ่งคำเรียกดังกล่าวเป็นเพียงชื่อเครื่องมือ เพราะความจริงคือ การทำตาแบบผ่านรอยแผล ส่วนจะสั้นหรือยาวนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังเปลือกตาที่ต้องการแก้ไข อาจจะตัดด้วยมีด หรือด้วยเลเซอร์ ก็แล้วแต่เหตุผลและความถนัดของแพทย์แต่ละท่าน 

ทำตาสองชั้น  แบบไม่มีรอยแผลกรีด 

การทำตาสองชั้นแบบไม่ต้องมีรอยแผลกรีด ไม่ใช่เทคนิคใหม่ แต่มีมานานพอๆกับเทคนิคการทำตาแบบที่มีรอยแผลกรีด ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดไปมาก เพื่อให้ได้ผลที่ดี และสะดวกสบายมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้มีอายุน้อยถึงวัยกลางคน ที่ไม่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคิ้วตก หนังตาหย่อน มากเกินไปนัก 

ภาพแสดงผลการทําาตาแบบไม่มีรอยแผลกรีด หลังผ่านไป 15 ปี

ภาพแสดงผลการทําาตาแบบไม่มีรอยแผลกรีด หลังผ่านไป 15 ปี

หลักการและวิธีการผ่าตัด 

โดยทั่วไป คนไข้ที่ตาชั้นเดียว จะแตกต่างกับคนที่มีตาสองชั้น คือ ไม่มีเยื่อพังพืดขึงยึดจากส่วนของกล้ามเนื้อลืมตากับผิวหนัง (Levator aponeurosis) หรือมีแต่ไม่ชัดเจน ทำให้เวลาลืมตาไม่สามารถดึงให้เห็นเป็นชั้นตา 

เทคนิคการทำตาสองชั้นแบบไม่มีรอยแผลกรีด จะคล้ายกับเทคนิคการทำตาแบบอื่นๆ คือ ใช้ไหมไปกระตุ้นการสร้างเยื่อพังผืดให้เกิดขึ้น ระหว่างตำแหน่งของผิวหนังที่ต้องการทำเป็นชั้นตาใหม่ กับกล้ามเนื้อลืมตา เป็นการเลียนแบบชั้นตาตามธรรมชาติ แต่เลี่ยงการเกิดบาดแผลบนผิวหนังเปลือกตาบน ในรายที่มีชั้นตาเดิมอยู่ก่อนแล้ว สามารถทำชั้นตาใหม่ที่สูงมากขึ้นได้ โดยไม่ต้องไปทำอะไรกับชั้นตาที่มีอยู่เดิม เป็นการผ่าตัดเล็ก จึงสามารถทำผ่าตัดที่คลินิก หรือตามโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานได้ โดยมีลำดับขั้นตอนการผ่าตัด คือ

แพทย์จะวัด และทำเครื่องหมายบนเปลือกตาอย่างละเอียด เพื่อให้ผลสุดท้ายของชั้นตาทั้ง 2 ข้างมีความใกล้เคียงกันมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นฉีดยาชาที่ผิวหนังเปลือกตาเป็นจุดเล็กๆ ประมาณข้างละ 0.3-0.5 ซีซี แล้วจึงใช้เข็มขนาดเล็ก เจาะผิวหนังเป็นจุดเล็กเท่ารูเข็ม ขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ในตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้ 

จากนั้นจะสอดไหมขนาดเล็ก ส่วนใหญ่แพทย์จะใช้ไหมที่ไม่ละลายผ่านรูแผล เพื่อเข้าไปยึดส่วนผิวหนัง ในตำแหน่งที่ต้องการพับชั้น เชื่อมกับบางส่วนของกล้ามเนื้อที่ช่วยเปิดเปลือกตาขณะลืมตา ผูกปม ตัดไหม และวางปมอยู่ใต้ผิวหนัง 

เมื่อผ่าตัดเสร็จ ร่องรอยแผลจึงคล้ายกับรูเข็มที่เจาะเลือด เมื่อหลับตาจะเห็นเป็นจุดเล็กๆ เท่าปลายเข็มหมุด ข้างละ 2- 4 จุด แต่เมื่อลืมตาจะไม่สังเกตเห็นแผล จึงไม่ต้องตัดไหม และใช้เวลาทำ ประมาณ 30-60 นาที

การปฎิบัติตัวหลังผ่าตัด 

เนื่องจากการทำตาสองชั้นวิธีนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องให้ยากดระบบประสาทใดๆ เมื่อทำเสร็จ       ส่วนใหญ่สามารถไปทำธุระตามปกติได้ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ส่วนบาดแผลที่มีเพียงจุดเล็กๆ ซึ่งร่างกายซ่อมแซมได้ใน 24 ชั่วโมง จึงสามารถล้างเครื่องสำอางตามปกติ และแนะนำให้ล้างตำแหน่งแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ได้ นอกจากนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้ยากดระบบประสาทใดๆ จึงกลับบ้านได้ทันทีหลังการผ่าตัด ทานอาหารได้ตามปกติโดยไม่มีข้อห้าม เพียงแต่จะมีความรู้สึกตึง ที่หนังตาด้านบนบ้าง ซึ่งก็จะหายได้ ใน 1 สัปดาห์ 

 พญ.สกุณา สัจจอิสริยวุฒิ

ThPRS of Thailand